ค่า CADR คืออะไร และปริมาณไหนถึงจะเหมาะสมกับห้องคุณ
ค่า CADR ย่อมาจาก Clean Air Delivery Rate คือ อัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์ มีหน่วยเป็นลูกบาศก์ฟุตต่อนาที หรือ CFM ที่ย่อมาจาก Cubic Foot per Minute ถูกกำหนดขึ้นโดยองค์กรอิสระ AHAM หรือ Association of Home Appliance Manufacturers เป็นค่าบ่งบอกประสิทธิภาพของเครื่องฟอกอากาศที่นำไปทดสอบในห้องปฏิบัติการกับฝุ่น (Dust) ควันบุหรี่ (Smoke) และเกสรดอกไม้ (Pollen) ยิ่งค่า CADR มากเท่าไหร่ ก็หมายความว่าอากาศในห้องจะถูกเปลี่ยนให้เป็นอากาศที่ดีเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งเราสามารถใช้ค่านี้เปรียบเทียบประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องฟอกอากาศแต่ละรุ่นได้
รูปจาก https://pixabay.com/photos/office-sitting-room-executive-730681/
ส่วนปริมาณของค่า CADR ที่เหมาะสมกับขนาดห้องของคุณ โดย AHAM แนะนำว่าค่า CADR ควรจะมีค่ามากกว่า 2 ใน 3 ของพื้นที่ห้อง โดยเอาพื้นที่ห้องหน่วยเป็นตารางฟุตหารด้วย 1.5 คือค่า CADR ที่ควรจะได้นั่นเอง หรือหากกลับกันเอาค่า CADR คูณ 1.5 ก็เป็นพื้นที่ห้องที่ควรจะได้มีหน่วยเป็นตารางฟุต แล้วนำมาแปลงเป็นตารางเมตรด้วยการคูณ 10.764 ซึ่งค่า CADR ในเครื่องฟอกอากาศนี้จะมี 3 ค่าด้วยกัน คือค่าของฝุ่น ค่าของควันบุหรี่ และค่าของเกสรดอกไม้ ให้เราเอาค่าของควันบุหรี่มาคำนวณ เนื่องจากว่าใช้เวลานานที่สุดในการฟอกอากาศ
เราจะยกตัวอย่างการคำนวณค่า CADR ที่เหมาะกับห้องขนาด 25 ตารางเมตร โดยเริ่มแรกให้แปลงตารางเมตรเป็นตารางฟุตก่อน ซึ่ง 1 ตารางเมตรเท่ากับ 10.764 ฟุต จึงนำ 25 คูณด้วย 10.764 จะเท่ากับ 269.1 ตารางฟุต แล้วนำค่าที่ได้มาหารด้วย 1.5 ก็จะเท่ากับ 179.4 ลูกบาศก์ฟุตต่อนาที ซึ่งคือค่า CARD ที่เหมาะสมกับห้องขนาด 25 ตารางเมตรนั่นเอง โดยบางยี่ห้อก็แปลงหน่วยเป็นเมตรให้เราเรียบร้อยแล้วเช่นกัน
ซึ่งเรามีเครื่องฟอกอากาศรุ่น HSAP01 ของ JL HOME Smart one มาแนะนำ ซึ่งมีฟังก์ชั่นที่หลากหลาย สามารถตั้งตารางเวลาทำงานได้ พร้อมทั้งรองรับการเชื่อมต่อ Wifi เพื่อตั้งค่าและควบคุมผ่านแอปพลิเคชั่นบนมือถือสมาร์ทโฟน รวมทั้งยังมีระบบสั่งงานด้วยเสียงผ่านทาง Google อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีระบบเซนเซอร์ตรวจจับปริมาณฝุ่น PM2.5 ในตัว ซึ่งแสดงค่าฝุ่นให้เห็นอย่างชัดเจนไว้ที่หน้าปัดเครื่อง มั่นใจได้กับแผ่นกรอง HEPA+ ที่สามารถกรองได้สูงสุดถึง 0.3 ไมครอน ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าฝุ่น PM 2.5 ถึง 8 เท่า ซึ่งมีอายุการใช้งานยาวนานถึงกว่า 5,000 ชั่วโมง และยังมีโหมด Sleep สำหรับการพักผ่อน ซึ่งใช้กำลังลมต่ำสุดของอุปกรณ์ ทำให้เครื่องทำงานเสียงเบาเพียง 32 เดซิเบลเท่านั้น ซึ่งไม่รบกวนการนอนหลับของคุณแม้แต่น้อย อีกทั้งดีไซน์ที่เรียบหรู สีขาวสะอาดตาเข้ากับสไตล์บ้านทุกรูปแบบ ที่สำคัญยังมีค่า CADR 200 m3/h โดยเหมาะกับพื้นที่รองรับขนาด 14-24 ตารางเมตร ซึ่งรับรองได้ว่าคุณจะพักผ่อนอยู่ในบ้านด้วยอากาศที่บริสุทธิ์อย่างแน่นอน
ทีนี้เวลาเราเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศก็จะสามารถตัดสินใจได้แล้วว่าเครื่องไหนมีประสิทธิภาพในการฟอกอากาศให้บริสุทธิ์มากกว่ากัน หากมีข้อสงสัยหรือต้องการติดต่อสอบถาม สามารถติดต่อได้ตามช่องทางต่างๆ ด้านล่างนี้