ทำไมแสงอินฟราเรด จึงทำให้ภาพในกล้องวงจรปิดสว่างในตอนกลางคืน และคนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
รูปจาก www.freepik.com
รังสีอินฟราเรด (Infrared) คือรังสีความร้อนที่อยู่ในรูปคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า มีความยาวคลื่นอยู่ระหว่างคลื่นวิทยุ และแสงที่มีความถี่ในช่วง 1011-1014 เฮิรตซ์ มีความถี่อยู่ในช่วงเดียวกับคลื่นไมโครเวฟ มีความยาวคลื่นอยู่ระหว่างแสงสีแดงกับคลื่นวิทยุสื่อสาร มีอุณหภูมิอยู่ระหว่าง -200 ถึง 4,000 องศาเซลเซียส
คุณสมบัติของรังสีอินฟราเรด คือ ไม่เบี่ยงเบนในสนามแม่เหล็กที่แตกต่างกัน ยิ่งความถี่สูง พลังงานก็จะสูงตามไปด้วย โดยรังสีอินฟราเรดที่ปล่อยออกมา ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า จึงไม่เป็นที่รบกวนของคนที่เดินผ่านไปผ่านมา รวมทั้งไม่เป็นที่สะดุดตาของขโมยอีกด้วย
รังสีอินฟราเรดได้ถูกนำมาใช้งานทางด้านอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ใช้เพื่อตรวจสอบความร้อนที่มากเกินไปจนผิดปกติ ตรวจหาจุดการต่อสายไฟที่ไม่สมบูรณ์ ใช้ตรวจแก๊สที่เล็ดลอดออกมาจากท่อในอุตสาหกรรมเคมี เอาไปใช้ตรวจสอบภายในกระเป๋าของผู้โดยสารที่เดินทางผ่านสนามบิน รวมทั้งนำมาใช้ในกล้องวงจรปิด เพื่อบันทึกเหตุการณ์และตรวจจับผู้ร้ายในเวลากลางคืนอีกด้วย
กล้องวงจรปิดอินฟราเรด (Infrared Camera) มีวิธีการทำงานที่ไม่เหมือนกล้องบันทึกภาพแบบทั่วไป แต่จะมีโหมดถ่ายภาพตอนกลางคืนด้วยรังสีอินฟาเรด ซึ่งมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่ให้ภาพที่คมชัดผ่านจอมอนิเตอร์ โดยอาศัยหลักการทำงานที่มีปัจจัยอยู่ 2 อย่าง คือ
1. ค่า Lux ของแสง (luminance หรือ illumination ) หรือหน่วยวัดความสว่างของแสง ยิ่งค่า Lux น้อยเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้ภาพที่บันทึกได้ในที่มืดเป็นสีขาวดำ ยกตัวอย่างเช่น ถ้ากล้องวงจรปิดสามารถแสดงรายละเอียดในการจับภาพได้ 0.8 Lux นั่นก็หมายความว่า ค่าของแสงที่กล้องตัวนี้สามารถจับภาพได้อยู่ที่ 0.8 Lux หรือมากกว่า แต่ถ้าแสงน้อยกว่า 0.8 Lux ภาพก็จะปรับเป็นสีขาวดำโดยอัตโนมัติ ซึ่งแสงแต่ละที่จะมีค่า Lux ไม่เท่ากัน ดังนี้
- แสงจากพระจันทร์เสี้ยวจะมีค่าเท่ากับ 0.01 LUX
- แสงจากพระจันทร์เต็มดวงจะมีค่าเท่ากับ 0.1 LUX
- แสงจากดวงอาทิตย์จะมีค่าเท่ากับ 100,000 LUX
- แสงในห้องรับแขกของบ้านทั่วไป จะมีค่าเท่ากับ 50 LUX
- แสงในอาคารของสำนักงานทั่วไป จะมีค่าเท่ากับ 500 LUX
2. LED หรือหลอดไฟหน้ากล้อง ยิ่งมีจำนวนมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งบันทึกภาพได้ไกลขึ้นมากเท่านั้น ซึ่งสามารถสังเกตเห็นแสงสีแดงของหลอดไฟ LED ที่หน้ากล้องวงจรปิดได้ด้วยตาเปล่า ในเวลาที่แสงน้อยหรือไม่มีแสงเลย โดย LED จะทำหน้าที่เปล่งแสงนำทางให้รังสีอินฟาเรดพุ่งไปในระยะที่ถูกกำหนด จากนั้นแสงก็จะตกกระทบกับวัตถุแล้วสะท้อนกลับมาเป็นภาพ เนื่องจาก LED มีสีแดง ภาพที่ได้จึงออกมาเป็นสีขาวดำ แต่ถ้าอยู่ในสภาวะที่แสงเพียงพอหรือตอนกลางวัน สีของภาพก็จะออกมาเป็นสีธรรมชาติตามปกติ
กล้องวงจรปิดอินฟราเรดจึงสามารถมองเห็นได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ซึ่งสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ต่างๆ ได้อย่างต่อเนื่อง โดยสามารถติดตั้งได้ทั้งภายนอกและภายในอาคาร สำหรับสถานที่ที่เหมาะแก่การติดตั้งควรเป็นมุมอัด หรือจุดที่ทึบแสง เช่น บริเวณสนาม แนวถนน แนวกำแพง ที่จอดรถ ประตูทางเข้าออก และภายในอาคารต่างๆ เป็นต้น